• ค่าบริการจัดการโฆษณาออนไลน์ (Social Media Ads Management Fee)
  เช่น การดูแลโฆษณา Facebook, Google Ads โดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือนหรือตามแคมเปญ
• ค่าบริการผลิตคอนเทนต์ (Content Creation Fee)
  รวมถึงการถ่ายภาพ ตัดต่อวิดีโอ เขียนบทความ ซึ่งอาจคิดราคาต่อชิ้นงานหรือเป็นแพ็คเกจ
• ค่าบริการวางแผนการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing Strategy Fee)
  การวางกลยุทธ์การตลาดระยะยาว การวิเคราะห์คู่แข่ง วางแผน Content Calendar

• ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
  • เงินเดือนพนักงาน
  • ค่าจ้างฟรีแลนซ์
  • สวัสดิการและประกันสังคม
• ค่าซอฟต์แวร์และเครื่องมือออนไลน์
  • โปรแกรมตัดต่อภาพและวิดีโอ
  • เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล
  • ซอฟต์แวร์จัดการโซเชียลมีเดีย
• ค่าใช้จ่ายสำนักงาน
  • ค่าเช่าออฟฟิศ
  • ค่าอินเทอร์เน็ต
  • อุปกรณ์สำนักงาน

1. แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว
   การแยกบัญชีช่วยให้การติดตามรายรับ-รายจ่ายชัดเจน และง่ายต่อการยื่นภาษี
2. จัดทำระบบใบเสนอราคาและใบแจ้งหนี้ที่เป็นระบบ
   ควรมีการระบุรายละเอียดบริการ เงื่อนไขการชำระเงิน และข้อมูลภาษีให้ครบถ้วน
3. บันทึกค่าใช้จ่ายทันทีที่เกิดรายการ
   ใช้แอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมบัญชีช่วยบันทึก เพื่อไม่ให้ตกหล่นและสะดวกในการสรุปยอด

• วางแผนธุรกิจได้แม่นยำ จากการมีข้อมูลรายรับ-รายจ่ายที่ชัดเจน
• ลดความเสี่ยงด้านภาษี เพราะมีเอกสารครบถ้วนพร้อมตรวจสอบ
• ขอสินเชื่อธุรกิจได้ง่ายขึ้น เพราะมีข้อมูลทางการเงินที่น่าเชื่อถือ
• ประเมินความสามารถในการทำกำไรของแต่ละบริการได้ชัดเจน

สำนักงานบัญชีของเรามีประสบการณ์ในการดูแลธุรกิจดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมายาวนาน เราเข้าใจความท้าทายเฉพาะของธุรกิจคุณ และพร้อมให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน:

• วางระบบบัญชีให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
• จัดทำบัญชีและงบการเงินประจำเดือน/ปี
• ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีเงินได้
• ให้คำปรึกษาด้านการวางแผนภาษีและการเงิน