การโอนหุ้นให้บุตรในราคาพาร์
การโอนหุ้นให้บุตรโดยไม่มีค่าตอบแทนเป็นการวางแผนทรัพย์สินที่หลายครอบครัวพิจารณา แต่มีประเด็นสำคัญทางภาษีที่ควรทำความเข้าใจก่อนดำเนินการ
ประเด็นภาษีสำหรับผู้โอน (บิดามารดา)
เมื่อบิดามารดาโอนหุ้นให้บุตรโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ถือเป็นการให้โดยเสน่หา จึงไม่มีผลประโยชน์เกินกว่าทุนที่จะนำมาคิดภาษี ดังนั้น ผู้โอนจึงไม่มีเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 40(4)(ช) แห่งประมวลรัษฎากร
ประเด็นภาษีสำหรับผู้รับโอน (บุตร)
บุตรที่ได้รับหุ้นถือว่าได้รับ “เงินได้พึงประเมิน” ตามมาตรา 39 และมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร แต่เนื่องจากเป็นการรับจากบุพการี จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับส่วนที่ไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อปีภาษี ตามมาตรา 42(27) แห่งประมวลรัษฎากร
หากมูลค่าหุ้นที่ได้รับเกิน 20 ล้านบาทในปีภาษีเดียวกัน เงินได้ส่วนที่เกินต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยใช้ราคาหรือมูลค่าอันพึงมีในวันที่ได้รับหุ้นนั้น ตามมาตรา 9 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร
ประเด็นภาษีเมื่อบุตรขายหุ้นในอนาคต
หากบุตรขายหุ้นที่ได้รับมาในอนาคต ถือเป็นการขายสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยมุ่งในทางการค้าหรือหากำไร (เพราะการถือหุ้นมีเป้าหมายเพื่อรับเงินปันผลหรือกำไรจากการขาย) จึงไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(9) แห่งประมวลรัษฎากร
ในการคำนวณกำไรเพื่อเสียภาษี บุตรสามารถนำมูลค่าหุ้นเฉพาะส่วนที่เคยนำมาคำนวณภาษีแล้ว (ถ้ามี) มาถือเป็นต้นทุนได้ กล่าวคือ:
- ถ้ามูลค่าหุ้นที่ได้รับไม่เกิน 20 ล้านบาท (ได้รับยกเว้นภาษี) ต้นทุนหุ้นจะเป็นศูนย์
- ถ้ามูลค่าหุ้นที่ได้รับเกิน 20 ล้านบาท ต้นทุนหุ้นคือส่วนที่เกิน 20 ล้านบาทซึ่งเคยเสียภาษีไปแล้ว
ข้อแนะนำสำหรับการวางแผนภาษี
- พิจารณาทยอยโอนหุ้น: ควรพิจารณาทยอยโอนหุ้นในแต่ละปีภาษีเพื่อใช้ประโยชน์จากการยกเว้นภาษีในวงเงิน 20 ล้านบาทต่อปี
- เก็บเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน: เก็บเอกสารการโอนหุ้น หลักฐานมูลค่าหุ้น และเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ยืนยันมูลค่าต้นทุนในอนาคต
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือนักบัญชีเพื่อวางแผนการโอนหุ้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดและถูกต้องตามกฎหมาย
การวางแผนภาษีอย่างรอบคอบจะช่วยให้การโอนทรัพย์สินระหว่างรุ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระภาษี และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย