e-Commerce คืออะไร?

e-Commerce หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือการทำธุรกิจผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น การขายของออนไลน์ การรับชำระเงินผ่านแอป ซึ่งผู้ประกอบการ e-Commerce ต้องเสียภาษีเหมือนธุรกิจทั่วไป

รูปแบบการประกอบธุรกิจ e-Commerce

1. บุคคลธรรมดา – ขายของเป็นรายบุคคล
2. นิติบุคคล – จดทะเบียนเป็นบริษัท/ห้างหุ้นส่วน

ขั้นตอนการเข้าระบบภาษี

1. ขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี

บุคคลธรรมดา:

• มีเลขบัตรประชาชน → ใช้เลขบัตรประชาชน
• ไม่มีเลขบัตรประชาชน (คนต่างด้าว) → ยื่นคำขอที่กรมสรรพากร

นิติบุคคล:

• ใช้เลขทะเบียนนิติบุคคลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

2. จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

เงื่อนไข:

• รายรับเกิน 1.8 ล้านบาท/ปี → ต้องจดทะเบียนภาษี VAT ภายใน 30 วัน
• รายรับไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี → จดทะเบียนได้ตามใจชอบ

วิธีจดทะเบียน:

• ออนไลน์: www.rd.go.th → บริการอิเล็กทรอนิกส์ → จดทะเบียนภาษี VAT
• ที่สำนักงาน: ยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่

การคำนวณภาษี

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

วิธีคำนวณ:

อัตราภาษี:

• 0-150,000 บาท: ยกเว้น
• 150,001-300,000 บาท: 5%
• 300,001-500,000 บาท: 10%
• 500,001-750,000 บาท: 15%
• 750,001-1,000,000 บาท: 20%
• 1,000,001-2,000,000 บาท: 25%
• 2,000,001-5,000,000 บาท: 30%
• 5,000,001 บาทขึ้นไป: 35%

2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล

อัตราภาษี:

• กิจการ SMEs (ทุนไม่เกิน 5 ล้าน + รายได้ไม่เกิน 30 ล้าน):
  • กำไร 0-300,000 บาท: ยกเว้น
  • กำไร 300,001-3,000,000 บาท: 15%
  • กำไร 3,000,001 บาทขึ้นไป: 20%
• กิจการอื่นๆ: 20%

3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

สูตรคำนวณ:

อัตรา VAT: 7% ของมูลค่าสินค้าหรือบริการ

กำหนดเวลายื่นแบบและชำระภาษี

ช่องทางยื่นแบบและชำระภาษี

1. 1. ออนไลน์: www.rd.go.th (ขยายเวลาได้อีก 8 วัน)
   2. ที่สำนักงาน: สำนักงานสรรพากรพื้นที่