วิธีขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) พร้อมเคล็ดลับสำหรับผู้ประกอบการ 2025
การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นสิทธิ์สำคัญที่ผู้ประกอบการควรรู้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน บทความนี้จะแนะนำขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแบบละเอียด พร้อมเอกสารที่ต้องเตรียม และเคล็ดลับการยื่นคำร้องให้ผ่านการตรวจสอบของกรมสรรพากร
สิทธิ์ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ประกอบการมีสิทธิ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ภายใน 3 ปี นับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับเดือนภาษีนั้น หรือนับแต่วันที่ชำระภาษี
ประเภทการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
1. ขอคืนเป็นเครดิตภาษี
- เพื่อยกไปใช้ในเดือนภาษีถัดไป
- ใช้แบบ ภ.พ.30 ในการยื่นแบบปกติ
2. ขอคืนเป็นเงินสด
- ใช้แบบ ค.10 สำหรับการขอคืนเป็นเงินสด
- เหมาะสำหรับกรณีต้องการสภาพคล่องทันที
แบบฟอร์มที่ใช้ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
แบบ ภ.พ.30 (ขอคืนเป็นเครดิต)
ใช้กรณีการยื่นแบบปกติเท่านั้น และต้องลงลายมือชื่อในช่อง “การขอคืนภาษี” และ “คำรับรอง” ท้ายแบบ
แบบ ค.10 (ขอคืนเป็นเงินสด)
ใช้สำหรับกรณีเฉพาะ เช่น:
- ขอคืนเป็นเครดิตไว้ แต่ไม่ได้นำไปใช้ในเดือนภาษีถัดไป
- ไม่ลงลายมือชื่อในแบบ ภ.พ.30
- ยื่นแบบ ภ.พ.30 ชำระภาษีไว้ซ้ำ
- แสดงภาษีขายไว้เกินหรือภาษีซื้อไว้ขาด
- ไม่มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.พ.30 แต่ได้ชำระภาษีไว้
ช่องทางการยื่นคำร้องขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
1. ยื่นแบบกระดาษ
- แบบ ภ.พ.30: ยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่สถานประกอบการตั้งอยู่
- แบบ ค.10: ยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ (สำหรับรายใหญ่)
2. ยื่นผ่าน E-FILING
- เข้าใช้งานที่ https://efiling.rd.go.th/
- สะดวก รวดเร็ว และมีการขยายเวลายื่นแบบถึงวันที่ 31 มกราคม 2570
เอกสารหลักฐานที่ต้องเตรียม
เอกสารทั่วไป
- รายงานภาษีขาย และสำเนาใบกำกับภาษีขาย
- รายงานภาษีซื้อ และต้นฉบับใบกำกับภาษีซื้อ
- รายงานสินค้าและวัตถุดิบ (ยกเว้นกิจการให้บริการ)
- หลักฐานการบันทึกบัญชี
- รายการเดินบัญชี (Statement) และหลักฐานการจ่ายเงิน
เอกสารเฉพาะตามประเภทธุรกิจ
ธุรกิจส่งออกสินค้า
- หลักฐานการรับชำระเงิน (L/C หรือ T/T)
- สำเนาใบขนสินค้าขาออก
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
- สัญญารับจ้าง และ Bill of Quantities (BoQ)
- สัญญาจ้างเหมาหรือสัญญาก่อสร้าง
ธุรกิจโรงแรม
- บัตรทะเบียนผู้พักโรงแรม (ร.ร.3)
- ทะเบียนผู้พักในโรงแรม (ร.ร.4)
ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
- สัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่าย
- สัญญาจองรถยนต์หรือใบสั่งจองรถยนต์
ขั้นตอนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
การวิเคราะห์แบบขอคืน
เจ้าหน้าที่จะวิเคราะห์แบบขอคืนเพื่อหาประเด็นความผิดหรือเหตุสงสัย
การเรียกพบเจ้าหน้าที่
หากพบประเด็นที่ต้องชี้แจง ผู้ประกอบการจะต้อง:
- เข้าพบเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง หรือ
- มอบอำนาจให้ผู้ที่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการ (ใช้แบบ ต.5)
การรับทราบผลการตรวจ
- ไม่พบประเด็นความผิด: ได้รับเงินภาษีอากรคืนตามมูลค่าที่ขอคืน
- พบประเด็นความผิด: อาจได้รับเงินคืนน้อยกว่าที่ขอ หรือมีเบี้ยปรับที่ต้องชำระ
สิทธิ์ในการอุทธรณ์
หากไม่เห็นด้วยกับผลการคืนภาษี สามารถยื่นคำอุทธรณ์ได้โดยใช้แบบ ภ.ส.6 ภายในกำหนดเวลา:
- 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคืนภาษีอากร (ค.20) หรือหนังสือแจ้งไม่คืนเงินภาษีอากร (ค.30)
- 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.72/ภ.พ.72.1) หรือหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.73/ภ.พ.73.1)
เคล็ดลับสำหรับการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้สำเร็จ
1. เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
- จัดเตรียมเอกสารหลักฐานตามประเภทธุรกิจ
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในแบบฟอร์ม
- เก็บรักษาเอกสารต้นฉบับไว้เป็นหลักฐาน
2. ให้ข้อมูลที่ชัดเจน
- อธิบายมูลเหตุการขอคืนให้ชัดเจน เช่น การลงทุนในทรัพย์สิน การก่อสร้างอาคาร
- เตรียมคำอธิบายเหตุผลที่ภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย
3. ติดตามสถานะการขอคืน
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ตามช่องทางที่แจ้งไว้
- เตรียมพร้อมสำหรับการเข้าพบเจ้าหน้าที่
4. ใช้บริการสำนักงานบัญชี
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีอากร
- ลดความเสี่ยงในการยื่นเอกสารผิดพลาด
สรุป
การขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรอบคอบและความเข้าใจในกฎหมายภาษีอากร การเตรียมเอกสารหลักฐานที่ครบถ้วนและการให้ข้อมูลที่ชัดเจนจะช่วยให้กระบวนการขอคืนเป็นไปอย่างราบรื่น หากมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีอากรเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลทั่วไป หากต้องการคำแนะนำเฉพาะกรณี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีอากรหรือสำนักงานบัญชีที่เชื่อถือได้