การวางแผนภาษีสิ้นปี 2568 สำหรับ SME และบุคคลธรรมดา
ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในการ “วางแผนภาษี” ไม่ใช่เพียงแค่การเตรียมยื่นเอกสาร แต่คือการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้มั่นใจว่าท่านจะไม่เสียภาษีเกินความจำเป็นและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่นำไปสู่การถูกปรับ
ส่วนที่ 1: การวางแผนภาษีสำหรับ SME (นิติบุคคล)
สำหรับผู้ประกอบการ SME (ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท) การวางแผนภาษีสิ้นปีมีเป้าหมายหลักคือ การบริหารจัดการรายได้และค่าใช้จ่าย เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการได้รับอัตราภาษีที่ต่ำกว่านิติบุคคลทั่วไป
1. การบริหารจัดการรายได้และกำไรสุทธิ
หัวใจของ SME คืออัตราภาษีแบบขั้นบันได:
- กำไรสุทธิ 300,000 บาทแรก: ได้รับการยกเว้นภาษี (0%)
- กำไรสุทธิส่วนที่เกิน 300,000 บาท ถึง 3,000,000 บาท: เสียภาษีในอัตรา 15%
- กำไรสุทธิส่วนที่เกิน 3,000,000 บาทขึ้นไป: เสียภาษีในอัตรา 20%
เทคนิคสิ้นปี: หากธุรกิจคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะสูงกว่า 3 ล้านบาทอย่างฉิวเฉียด การเร่งค่าใช้จ่ายที่จำเป็นหรือชะลอการรับรายได้บางส่วนไปในปี 2569 อาจช่วยลดภาระภาษีส่วนเกินที่ต้องเสียในอัตรา 20% ได้
2. การใช้สิทธิลดหย่อนพิเศษตามมาตรการภาครัฐ
ตรวจสอบมาตรการที่รัฐออกมาเพื่อส่งเสริม SME ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้ (ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากร):
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D): อาจได้รับสิทธิหักรายจ่ายได้ 2-3 เท่า
- ค่าใช้จ่ายการฝึกอบรมพนักงาน: การส่งพนักงานไปฝึกอบรมที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐ อาจสามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า
- การบริจาคเพื่อการศึกษา/กีฬา/สถานพยาบาลของรัฐ: สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า (ภายใต้เงื่อนไขและไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิ)
3. การจัดการหนี้สูญและสินค้าคงเหลืออย่างมีกลยุทธ์
นี่คือการปรับปรุงตัวเลขครั้งใหญ่ที่สุดในงบการเงินสิ้นปี เพื่อเปลี่ยนรายการทางบัญชีให้เป็นรายจ่ายทางภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
3.1 การตัดจำหน่ายหนี้สูญ (Tax Loss Harvesting)
การพิจารณาตัดหนี้สูญเป็นรายจ่ายทางภาษีจะช่วยลดกำไรสุทธิได้ แต่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตาม กฎกระทรวง ฉบับที่ 186 ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามจำนวนหนี้
หลักการสำคัญ:
- หนี้สูญทางภาษี จะต้องเกิดจากการประกอบกิจการ และเคยถูกรวมเป็นรายได้แล้วเท่านั้น
- กิจการต้องมีหลักฐานการติดตามทวงถาม อย่างสมควรตามกรณี (เช่น หนังสือทวงถามที่ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน)
- ต้องมี คำสั่งอนุมัติ ให้จำหน่ายหนี้สูญจากกรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัท/ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ภายใน 30 วัน นับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
เงื่อนไขตามมูลค่าหนี้:
- หนี้ไม่เกิน 200,000 บาท: มีหลักฐานทวงถามแล้ว แต่ไม่ได้รับชำระหนี้
- หนี้เกิน 200,000 บาท แต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท: ต้องมีการดำเนินคดีทางศาล (คดีแพ่งหรือคดีล้มละลาย) และศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องแล้ว
- หนี้เกิน 2,000,000 บาท: ต้องมีหลักฐานการดำเนินการฟ้องและดำเนินการบังคับคดีแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินจะชำระหนี้ได้ หรือเป็นบุคคลล้มละลาย/เสียชีวิต
3.2 การตีราคาสินค้าคงเหลือ (Inventory Write-Down)
ตามหลักการทางบัญชีและภาษี กิจการต้องตีราคาสินค้าคงเหลือ ณ วันสิ้นรอบบัญชีด้วย ราคาทุน หรือ ราคาตลาด แล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า (Lower of Cost or Market)
มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Net Realizable Value: NRV): คือ ราคาโดยประมาณที่คาดว่าจะขายได้ตามปกติของธุรกิจ หักด้วยประมาณการต้นทุนในการขายและต้นทุนในการผลิตให้เสร็จ
โอกาสลดกำไร: หากสินค้าคงเหลือของท่านเกิดความเสียหาย ล้าสมัย หรือราคาตลาดลดลงอย่างมากจนทำให้ มูลค่าสุทธิที่จะได้รับต่ำกว่าราคาทุน ท่านสามารถปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าที่ต่ำกว่านี้ได้ ซึ่งผลต่างที่ลดลงจะถูกบันทึกเป็น ผลขาดทุนจากการตีราคาสินค้าคงเหลือ และนำมาหักเป็นรายจ่ายทางภาษีในปี 2568 ได้ทันที
ส่วนที่ 2: การวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา
สำหรับบุคคลธรรมดา การวางแผนภาษีสิ้นปี 2568 เน้นที่การบริหารจัดการการซื้อสินค้า/บริการ การลงทุน และการออม เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้เต็มวงเงินก่อนสิ้นปี 31 ธันวาคม
1. กลุ่มค่าลดหย่อนหลัก (พื้นฐาน)
รายการเหล่านี้จะถูกหักโดยอัตโนมัติหรือสามารถใช้สิทธิได้โดยง่าย แต่ควรตรวจสอบความถูกต้อง:
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส (ไม่มีเงินได้): 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร: 30,000 บาท/คน (และบุตรคนที่สองขึ้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 ได้ 60,000 บาท/คน)
- เบี้ยประกันสังคม: ตามที่จ่ายจริง (สูงสุดประมาณ 9,000 บาท)
2. กลุ่มการออมและการลงทุน (มาตรการสำคัญที่สุดที่ต้องวางแผนก่อน 31 ธ.ค.)
ผู้มีเงินได้ควรตรวจสอบว่าได้ใช้สิทธิเต็มจำนวนแล้วหรือไม่ โดยเฉพาะการลงทุนที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้:
รายการ | วงเงินลดหย่อนสูงสุด (2568) | ข้อควรระวัง |
---|---|---|
เบี้ยประกันชีวิตและประกันสุขภาพตนเอง | รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท (ประกันสุขภาพไม่เกิน 25,000 บาท) | ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป |
เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา | ไม่เกิน 15,000 บาท | บิดา/มารดา ต้องมีเงินได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี |
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) | 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท | ต้องถือครองจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี |
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) | 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท | ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ (ไม่กำหนดขั้นต่ำ) |
กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) | 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท | ถือครองไม่น้อยกว่า 8 ปีเต็ม |
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ | 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท | – |
รวมวงเงินสูงสุด (RMF, SSF, Thai ESG, PVD/กบข., ประกันบำนาญ) | ไม่เกิน 500,000 บาท (ยกเว้น Thai ESG ที่ลดหย่อนได้เพิ่ม 300,000 บาท) | วงเงินลงทุนรวมทั้งหมดมีเพดานกำกับ |
3. กลุ่มเงินบริจาค (ต้องใช้ e-Donation เพื่อรับสิทธิสูงสุด)
- บริจาคทั่วไป: หักได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- บริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา/กีฬา/สถานพยาบาลของรัฐ: หักได้ 2 เท่า ของจำนวนที่บริจาค (ภายใต้เงื่อนไข)
4. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ (เช่น Easy E-Receipt)
หากมีมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อสินค้าและบริการภายในประเทศโดยใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ในช่วงปลายปี 2568 (เช่น Easy E-Receipt) โปรดตรวจสอบวันเริ่มต้น/สิ้นสุดโครงการและวงเงินลดหย่อนสูงสุด และเริ่มสะสมใบกำกับภาษีได้ทันที
สรุปและข้อเสนอแนะจากสำนักงานบัญชี
การวางแผนภาษีไม่ใช่การหลีกเลี่ยงภาษี แต่เป็นการบริหารจัดการเงินของท่านอย่างชาญฉลาดและถูกกฎหมาย การตัดสินใจทางการเงินในช่วงปลายปี (เช่น การซื้อทรัพย์สิน, การลงทุน RMF/SSF) จะส่งผลต่อภาระภาษีที่ท่านต้องแบกรับ
เราขอแนะนำให้ท่าน:
- ประเมินกำไร/รายได้ถึงปัจจุบัน: เพื่อทราบจำนวนภาษีโดยประมาณที่ต้องจ่าย
- ตรวจสอบสิทธิที่ยังไม่ได้ใช้: โดยเฉพาะสิทธิลดหย่อนการออมและการลงทุน
- รวบรวมเอกสาร: จัดเก็บใบเสร็จ, ใบกำกับภาษี, ใบรับรองการซื้อหน่วยลงทุน ให้เป็นระบบ เพื่อเตรียมพร้อมยื่นภาษีในต้นปี 2569
ติดต่อสำนักงานบัญชีเราเพื่อความแม่นยำสูงสุด
หากคุณต้องการความแม่นยำสูงสุด หรือต้องการคำปรึกษาเชิงลึกในการวางโครงสร้างค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจ SME โปรดติดต่อสำนักงานบัญชีเราพร้อมช่วยท่านวางแผนภาษีอย่างมืออาชีพ เพื่อความสบายใจ และเพื่อให้เงินของท่านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด